นายกฯ ตรวจเยี่ยมศูนย์ดิจิทัลชุมชน จ.นครศรีธรรมราช
“พล.อ.ประยุทธ์” นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ร่วมกับ รมว.มหาดไทย, รมว.ดีอีเอส, รมว.แรงงาน, รมต.ประจำสำนักนายก, และ รมช.คมนาคม ตรวจแผนการป้องกันอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำ พร้อมเยี่ยมชมศูนย์ดิจิทัลชุมชน ต.มะม่วงสองต้น ชื่นชมความมุ่งมั่นของดีอีเอส ผลักดันสังคมแห่งการสร้างภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ลดช่องว่างการเข้าถึงดิจิทัลให้กับคนไทยทั้ง 77 จังหวัด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 เพื่อตรวจการบริหารจัดการน้ำในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และตรวจแผนการป้องกันอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำ โดยในโอกาสนี้มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมคณะ ในการนี้ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ดิจิทัลชุมชน ต.มะม่วงสองต้น และเป็นประธานในพิธีเปิดและมอบอุปกรณ์และครุภัณฑ์ให้แก่ศูนย์ฯ อีกทั้งพบปะประชาชนในพื้นที่
ในการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะนำพาประเทศไทยก้าวสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก โดยการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลฯ ในส่วนของโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน เป็นการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชนทั่วประเทศ จำนวน 500 แห่ง ผลักดันให้เกิดสังคมแห่งการสร้างภูมิปัญญา (Knowledge Base Society) เป็นแหล่งการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับเด็ก เยาวชน คนพิการ และประชาชนในชุมชน ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการค้าขายสินค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน
“นอกจากนี้ โครงการเน็ตประชารัฐ ยังเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่วางรากฐานด้านดิจิทัลให้กับประเทศ ช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่ชุมชน ได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างเท่าเทียม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล และให้ประชาชนในท้องถิ่นมีการเข้าถึงสารสนเทศ และบริการภาครัฐเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งผมมีความมุ่งหวังให้ประเทศไทยมีการพัฒนาไปข้างหน้าพร้อมกันทุกด้าน ทั้งคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดประโยชน์ กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เยี่ยมชมบูธแสดงผลงานสำคัญจากหน่วยงานในสังกัดดีอีเอส ได้แก่ “เน็ตประชารัฐกับบริการดิจิทัลเพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน” โดย บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) “Thailandpostmart การส่งเสริมการขายและจำหน่ายสินค้าชุมชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์” โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด “เทคโนโลยีอัจฉริยะ (โดรน) กับการพัฒนาเกษตรชุมชน” โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ร่วมกับหอการค้านครศรีธรรมราช “รู้เร็ว รู้ทัน รู้ป้องกัน ภัยธรรมชาติ” โดย กรมอุตุนิยมวิทยา และ “1212 OCC รับดูแล ช่วยเหลือ แก้ปัญหา ภัยจากอินเทอร์เน็ต” โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ
นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวง รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กล่าวว่า ระหว่างปี 63 - 64 สดช. ได้ดำเนินการขยายผลและยกระดับศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน สู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 500 แห่ง ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในปี 2021 ที่ผ่านมา โครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน ได้รับรางวัลชนะเลิศ WSIS Prize ในหมวดสังคมและจริยธรรมของเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นรางวัลจากสหภาพโทรคมนาคมนานาชาติ (ITU) และองค์การสหประชาชาติ (UN)
ในคราวนี้ ได้คัดเลือก โรงเรียนวัดมะม่วงสองต้น ต.มะม่วงสองต้น อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทำหน้าที่เป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชนตำบลมะม่วงสองต้น โดยจัดหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับบริบท และวัฒนธรรมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อใช้ในการผลักดันประชาชนในพื้นที่ให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และต่อยอดการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน ไปสู่การเปิดให้มีพื้นที่สร้างสรรค์ผลงาน พื้นที่สำหรับใช้ประโยชน์ร่วมของชุมชน (Co-working space) อีกทั้ง จัดเตรียมหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับผู้ดูแลศูนย์ฯ และคนในชุมชนด้วย
“ตั้งเป้าหมายให้ศูนย์ดิจิทัลชุมชน สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนในชุมชน ให้มีความเข้มแข็งในด้านต่างๆ ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ เป็นกลไกประชารัฐในการสร้างโอกาสให้ประชาชนและรัฐร่วมมือกันพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สร้างโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในเรื่องของการพัฒนาและแก้ไขปัญหาชุมชน สนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสู่เป้าหมายในการยกระดับสู่ SMEs และการเป็นอุตสาหกรรม ด้วยการจัดทำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์สาหรับชุมชน ตลอดจนพัฒนาและสร้างการเปลี่ยนแปลงของคนในชุมชนในทางสร้างสรรค์และมีความรู้เท่าทันดิจิทัล ในการปกป้องตนเองและปกป้องผู้อื่นในสังคม เป็นต้น” นายภุชพงค์กล่าว