“ชัยวุฒิ” ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้า “เกษตรดิจิทัล” และตรวจเยี่ยมศูนย์ดิจิทัลชุมชน จ.เชียงราย
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วยเลขานุการรัฐมนตรี นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม เป็นประธานในพิธีเปิด และมอบครุภัณฑ์ศูนย์ดิจิทัลชุมชน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย และเทศบาลตำบลเวียง ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการนำร่อง “เกษตรดิจิทัล” ณ ศูนย์ฝึกอบรมผาหมี จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 24 - 26 กันยายน 2564
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายที่จะนำพาประเทศไทยก้าวสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจรากฐานของประเทศให้เข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพสูงครอบคลุมทั่วประเทศที่ทุกคนเข้าถึงได้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะกระทรวงที่รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของรัฐบาล ซึ่งเป็นแกนหลักในการผลักดันให้เกิดสังคมแห่งการสร้างภูมิปัญญาและการเรียนรู้ (Knowledge Base Society) ได้ดำเนินโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน โดยการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน ที่จัดตั้งอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ อาทิเช่น วัด มัสยิด โรงเรียน สถานที่ราชการในท้องถิ่น และชุมชนที่เหมาะสม กระจายอยู่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 500 แห่ง เป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชน เพื่อใช้เป็นแหล่งการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของเด็ก เยาวชน และประชาชนในชุมชน สามารถสืบค้นข้อมูล เรียนรู้ได้ด้วยตนเองผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และส่งเสริมการค้าขายสินค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน อีกทั้ง ยังเป็นการขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งทางด้านข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีไปสู่ส่วนท้องถิ่น และลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล และให้ประชาชนในท้องถิ่นมีการเข้าถึงสารสนเทศ และบริการภาครัฐเพิ่มมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ได้ดำเนินการนำร่องเกษตรดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี 5G ณ ศูนย์ฝึกอบรมผาหมี จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นการดำเนินการนำร่องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G พื้นที่แรก จากการนำร่องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ในมิติต่าง ๆ “ในปี 2564 และปี 2565 จะเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยี 5G เนื่องจาก จะเป็นปีที่ทุกภาคส่วนจะเร่งมือขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จาก 5G อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ และที่สำคัญเราเห็นศักยภาพของ 5G ที่สามารถเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ การผนึกกำลังนำ 5G ไปยกระดับเกษตรดิจิทัล นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญ เนื่องจาก ภาคการเกษตรเป็นภาคส่วนที่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ความสำเร็จในการผนึกกำลังร่วมกันในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศไทยทั้งจากภาครัฐ ผู้ให้บริการเครือข่าย และเจ้าของพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การลดปัญหาความยากจน สร้างองค์ความรู้ สร้างความเท่าเทียม และสร้างรายได้ให้เกษตรกร รวมถึง เป็นการสร้างอาชีพอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป” นายชัยวุฒิ กล่าว
นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี พ.ศ. 2563 – 2564 สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ดำเนินการขยายผลและยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวนรวม 500 ศูนย์ ซึ่งศูนย์ดิจิทัลชุมชนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย และเทศบาลตำบลเวียง ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งในจำนวน 500 ศูนย์ ของโครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน โดยได้จัดหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับบริบทและวัฒนธรรมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป เพื่อใช้ในการผลักดันประชาชนในพื้นที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมุ่งหวังให้ศูนย์ดิจิทัลชุมชนสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนในชุมชน ให้มีความเข้มแข็งในด้านต่าง ๆ อาทิ เป็นกลไกประชารัฐในการสร้างโอกาสให้ประชาชนและรัฐร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างความร่วมมือ ร่วมใจของรัฐและประชาสังคม และเป็นแหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ในส่วนของโครงการนำร่องเกษตรดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี 5G ณ ศูนย์ฝึกอบรมผาหมี จังหวัดเชียงราย จะจัดทำแปลงสาธิตปลูกต้นวานิลลา ซึ่งเป็นพืชที่มีมูลค่าสูง และแปลงเกษตรผสมผสานบนพื้นที่ 7 ไร่ โดยจะติดตั้งอุปกรณ์ดิจิทัลในทุกขั้นตอนของการทำงาน เพื่อเก็บข้อมูลและนำมาพัฒนาแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิตจนถึงขั้นการแปรรูปสินค้าเพื่อจำหน่าย เช่น จำนวนต้น อุณหภูมิ ความชื้น การฉีดปุ๋ยบำรุงหรือสารกำจัดศัตรูพืช โดยมีการวิเคราะห์การเติบโต ระยะเวลาจัดเก็บและปริมาณผลผลิตที่จะได้รับ เป็นต้น โดยเป็นการดำเนินงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเพาะปลูก เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการข้อมูลแบบอัตโนมัติอย่างครบถ้วนและเป็นระบบ และเพื่อศึกษา วิจัย พัฒนา และสร้างองค์ความรู้ ยกระดับสู่ศูนย์กลางการพัฒนาด้านการทดลองปลูกพืชมูลค่าสูง และการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกรและชุมชน ต่อไป